แนะนำ การเล่น การวางแผน Fantasy Premier League 20/21

แนะนำการเล่น Fantasy Premier League 20/21 มือใหม่ มือเก๋า อยากเข้าใจวิธีการเล่น การจัดตัวผู้เล่น การวางแผน และ วางแทคติก ของ #FPL มาทางนี้ ทางเราจะ แนะนำวิธีการเล่นและการใช้งานในส่วนต่างๆของ Fantasy Premier League ให้ ทุกท่านได้ฟังได้อ่าน

FANTASY PREMIER LEAGUE GUIDE แนะนำ วิธีการเล่น
FANTASY PREMIER LEAGUE GUIDE แนะนำ วิธีการเล่น

ศึกฟุตบอลยอดนิยม Premier League ฤดูกาล 2020/2021 กำลังจะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายนนี้ และอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กันมาหลายฤดูกาลก็คือ Fantasy Premier League ที่เปิดโอกาสให้แฟนบอลได้สวมบทเป็นผู้จัดการทีม นำบรรดานักเตะจากทีมต่างๆ ในพรีเมียร์ลีกมาสร้างเป็นทีมของตัวเองภายใต้งบประมาณที่กำหนด เพื่อแข่งขันกับเพื่อน และแฟนบอลอีกทั่วโลก โดยการนับคะแนนนั้นจะมาจากผลงานของนักเตะในการลงแข่งขันจริงๆ และก่อนที่จะเปิดศึกในสัปดาห์แรก เราก็อยากจะเริ่มด้วยการ แนะนำการเล่น Fantasy Premier League เพื่อเป็นแนวให้กับผู้เล่นใหม่ และเป็นการทบทวนให้กับผู้เล่นเก่าไปในตัวด้วย



ขั้นตอนเริ่มเล่น Fantasy Premier_League

1.ก่อนอื่นต้องเข้าไป ลงทะเบียนที่นี่

2. เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะเป็นการเลือกนักเตะเข้าทีม ซึ่งเราต้องทำการเลือกนักเตะทั้งหมด 15 คน โดยจะแบ่งเป็น

  • ผู้รักษาประตู 2 คน
  • กองหลัง 5 คน
  • กองกลาง 5 คน
  • กองหน้า 3 คน

วางแผน Fantasy Premier League
วางแผน Fantasy Premier League

เงื่อนไขในการจัดทีม

สามารถเลือกนักเตะจากทีมเดียวกันได้ไม่เกิน 3 คน และจะมีงบประมาณการสร้างทีมให้ 100M ซึ่งค่าตัวนักเตะนั้นจะอ้างอิงจากฟอร์มการเล่นของจริง โดยนักเตะดังๆอย่าง De Bruyne, Salah หรือ Aubameyang ที่ทำคะแนนได้เยอะในฤดูกาลก่อนๆ ก็จะมีค่าตัวที่แพงระดับสูงกว่า 10M ในทางกลับกันนักเตะที่ฟอร์มไม่ดีหรือมีโอกาสลงเล่นน้อยก็จะมีค่าตัวต่ำลงมา โดยบางคนอาจจะอยู่ที่ 4-5M เท่านั้น นอกจากนี้ค่าตัวของนักเตะก็ยังมีการปรับเพิ่ม-ลดได้ตลอดเวลา โดยอ้างอิงตามความนิยมของผู้เล่น ในการถูกซื้อตัวเข้าทีมและถูกขายออกในแต่ละสัปดาห์ด้วย

ในการเลือกนักเตะนั้น สามารถกดดูรายละเอียดสถิตในฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึงความนิยม และโปรแกรมการแข่งขันได้ซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน



3. การจัดทีม และการนับคะแนน ใน FPL

#FPL จะแบ่งการแข่งขันออกเป็น Game Week โดยในหนึ่งฤดูกาลจะมีทั้งหมด 38 Game Week หรือเท่ากับจำนวนการแข่งขันของ Premier League นั่นเอง แต่ทั้งนี้ ซึ่งเมื่อจบแต่ละ Game Week ก็จะมีการรวมคะแนนที่ทีมทำได้ และนำมาจัดอันดับต่อไป

สำหรับการจัดทีมนั้นเราจะต้องเลือกผู้เล่นตัวจริง 11 คน จากที่เลือกมาร่วมทีม 15 คน โดยจะต้องมี ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า ครบทุกตำแหน่ง พร้อมทั้งเลือกผู้เล่นที่จะให้เป็น กัปตัน (ตัวอักษร C) และรองกัปตัน (ตัวอักษร V) ซึ่งจะอธิบายส่วนนี้ในช่วงถัดไป ทั้งนี้ ผู้เล่นต้องคอนเฟิร์มการจัดทีมก่อนถึง Dead Line ที่กำหนดในแต่ละ Game Week หากไม่ได้คอนเฟิร์มจะถือว่าเราเลือกใช้นักเตะชุดเดิมกับ Game Week ที่ผ่านมา

การนับคะแนน
#FPL จะเป็นคิดคะแนนโดยอ้างอิงกับผลงานในแต่ละเกมของนักเตะ โดยจะมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้

รายละเอียดอื่นๆของการคิดคะแนน

  • ในแต่ละเกมจะมี Bonus Points ให้นักเตะที่ทำผลงานได้โดนเด่นในเกมนั้น โดยการคำนวณสถิติของ Premier League ซึ่งจะได้คะแนนเพิ่มอีก 1-3 คะแนน
  • นักเตะที่ถูกเลือกเป็นกัปตันทีม (C) จะได้รับคะแนนทั้งหมดคูณ 2 และหากนักเตะที่เราเลือกเป็นกัปตันไม่ได้ลงเล่นใน GW นั้น นักเตะที่เลือกไว้เป็นรองกัปตัน (V) จะถูกเลื่อนเป็นกัปตันแทน
  • กรณีที่นักเตะที่เราเลือกเป็น 11 ตัวจริงไม่ได้ลงเล่น หลังจากจบ GW จะมีการคำนวณและเปลี่ยนนักเตะที่เป็นตัวสำรองของเราขึ้นมาเป็นตัวจริงแทน


4. การเข้ารวมลีก และ การร่วมเข้ากับลีกอื่นๆ

หลังจากสร้างทีมเรียบร้อยแล้วเราจะได้เข้าร่วม Global leagues อัตโนมัติ โดยเป็นลีกขนาดใหญ่ที่จะนับคะแนนผู้เล่นทั่วโลก ซึ่งมีรางวัลให้ผู้ชนะด้วย (แต่ยากมากเพราะต้องแข่งกับคนเป็นล้าน) และอีกลีกคือรวมผู้เล่นจากประเทศเดียวกันทั้งหมด (ไว้ดูว่าใครเจ๋งสุดในไทย)

นอกจาก Global leagues เราสามารถเข้าร่วมหรือสร้างลีกย่อย สำหรับแข่งกับเพื่อน หรือแข่งขันกับคนตามคอมมิวนิตี้ต่างๆได้่ โดยลีกย่อยนั้นจะมีการแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • Classic leagues – เป็นลีกที่แข่งกันด้วยการนับคะแนนรวมปกติ ในแต่ละสัปดาห์นักเตะในทีมได้คะแนนเท่าไหร่ก็นำมารวมและจัดอันดับ เรื่อยๆจนจบฤดูกาล
  • Head-to-Head Leagues – เป็นการจับคู่ทีมในลีกมาแข่งกันในแต่ละสัปดาห์ โดยการวัดคะแนนรวมของนักเตะที่ทำได้ในสัปดาห์นั้น และมาวัดคะแนนกัน โดยผู้ชนะก็จะได้ 3 แต้ม เสมอกันจะได้ 1 แต้ม และแพ้ก็จะไม่ได้แต้ม และนำคะแนนมาจัดอันดับ (พูดง่ายๆว่าคิดคะแนนเหมือนการแข่งพรีเมียร์ลีกของจริง)

โดยหากต้องการเข้าร่วม Private League ซึ่งเป็นลีกที่ตั้งแข่งกันเฉพาะเพื่อนหรือเฉพาะกลุ่ม เราต้องกรอก Code เพื่อเข้าร่วมลีก โดยจะต้องขอ Code จากคนที่สร้างลีก ในทางกลับกันหากเราเป็นคนสร้างลีกเองต้องก็ส่ง Code ไปแจกจ่ายให้คนอื่นเข้ามาร่วมแข่ง นอกจากนี้สำหรับคนที่ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย ก็ยังมี Public Leagues ซึ่งจะสุ่มผู้เล่นจากทั่วโลกเข้ามาร่วมแข่งขันกัน หรือหากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการแข่งกับเพื่อนก็ถือเป็นการวัดฝีมือกับโลกภายนอกได้เช่นกัน



5. การ ซื้อขายนักเตะ ตลาดนักเตะ

ในแต่ละ Game Week จะเปิดโอกาสให้เราย้ายนักเตะเข้า-ออกจากทีมได้ 1 คน ซึ่งหากเปลี่ยนมากกว่านั้น จะถูกหักคะแนนล่วงหน้าใน GW ต่อไป คนละ 4 คะแนน(ถือว่าเยอะมากและไม่แนะนำให้ทำ) อนึ่งสำหรับการย้ายนักเตะนั้น จำเป็นต้องคำนวณค่าตัวนักเตะที่เราจะย้ายออกรวมกับเงินที่เรามีเหลือ ให้พอกับค่าตัวของนักเตะที่จะซื้อเข้าทีมด้วย และบางครั้งช่วงเวลาที่จะทำการซื้อนักเตะก็เข้าทีมก็สำคัญ เนื่องจากหากตัดสินใจเกินไปแค่ 1-2 วัน ก็อาจจะทำให้นักเตะมีค่าตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากความนิยมได้ และถึงจะขึ้นมาแค่ 0.1m ก็สามารถทำให้เงินเราไม่พอซื้อได้

แต่หาว่า ยังไม่รู้จะ ซื้อขายนักเตะ หรือ จัดทีมยังไง ทางเรามีบทความแนะนำ สำหรับการ วางแผน จัดทีม รวมทั้ง เทคนิค และ วิธีเล่น Fantasy Premier League 20/21



6. ตัวช่วยใน FPL ที่หลายคนมองข้าม

ใน #FPL ผู้เล่นทุกคนจะมีตัวช่วย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการวางแผน รวมถึงช่วยแก้ไขสถานการณ์ยามฉุกเฉินด้วย โดยตัวช่วยจะมีทั้งสิ้น 4 ตัว ดังนี้

  • Bench Boost เมือใช้แล้วผู้เล่นสำรองของเราทั้ง 3 คน เกมใน GW นั้นจะถูกนำคะแนนที่ได้มารวมกับคะแนนประจำสัปดาห์ด้วย ซึ่งทำให้เราจะได้คะแนนจากนักเตะถึง 15 คน แต่การใช้งานอาจจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากตัวช่วยนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
  • Triple Captain ทำให้กัปตันทีมของเราได้คะแนน คูณ 3 ใน GW นั้น (จากปกติคูณ 2) ซึ่งโดยปกติการเลือกกัปตันทีมถือเป็นหนึ่งในกลยุทธหลักของผู้เล่นเลย เพราะหากนักเตะที่เลือกเป็นกัปตันเกิดทำประตูได้เยอะ อาจจะส่งผลให้ได้ไปคนเดียวเกือบ 20 คะแนนได้เลย และหากจังหวะพอดีกับที่เราใช้ตัวช่วย Triple Captain ก็อาจจะทำให้ได้คะแนนพลิกขี้นมานำผู้เล่นคนอื่นได้ แต่เช่นเดียวกับ Bench Boost ตัวช่วยนี้ใช้ได้แต่ 1 ครั้งต่อฤดูกาลเท่านั้น
  • Wildcard ตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถซื้อขายนักเตะได้ไม่จำกัดจำนวนคน ใน GW นั้น จากที่ปกติเกมจะให้เราเปลี่ยนตัวนักเตะได้เพียงสัปดาห์ละหนึ่งคนเท่านั้น ถือเป็นไพ่ตายที่ใช้พลิกสถานะการณ์ของผู้เล่นหลายคน เพราะหากทีมที่เลือกมาเกิดมีนักเตะฟอร์มตก โดนแบน หรือเจ็บยาว ซึ่งทำให้ทีมต้องการเปลี่ยนตัวทีละมากๆ ตัวช่วยนี้เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตได้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ การซื้อขายนักเตะก็ต้องดูค่าตัวให้พอดีกับเงินที่มีด้วย อีกทั้ง Wildcard ยังเปิดโอกาสให้เราใช้ได้ถึง 2 ครั้งในฤดูกาล ครั้งแรกตั้งแต่เริ่มฤดูกาล และครั้งต่อไปหลังจากเข้าช่วงเปิดตลาดนักเตะเดือนมกราคม แต่หากเราไม่ได้ใช้ Wildcard ในครั้งแรกก็จะถือว่าสละสิทธิ์การใช้ไป ไม่สามารถสะสมไว้ใช้ 2 ครั้งตามต้องการได้
  • Free Hit เป็นตัวช่วยคล้ายกับ Wildcard คือช่วยให้เราซื้อขายนักเตะได้ไม่จำกัดจำนวนใน GW นั้น แต่สิ่งที่แตกต่างคือนักเตะที่เราซื้อเข้าทีมมาจะอยู่ให้ได้ใช้แค่ในสัปดาห์นั้น โดยหลังจากนั้นทีมเราจะถูกรีเซ็ตกลับไปเหมือนก่อนใช้ Free Hit อาจจะฟังดูเป็นตัวช่วยที่แปลกๆสักหน่อย แต่ประโยชน์ของมันอยู่ที่ช่วงท้ายฤดูกาล ที่หลายทีมในพรีเมียร์ลีกจะมีโปรแกรมแข่งบอลถ้วย ทำให้ในบาง GW พวกเขาจะไม่มีโปรแกรมแข่งบอลลีกและนักเตะในทีมก็จะไม่ได้คะแนน ซึ่งทางเลือกที่ดีคือจะต้องหานักเตะจากทีมอื่นมาแทนชั่วคราวเฉพาะสัปดาห์นั้น และนั้นคือประโยชน์ของ Free Hit นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ การแนะนำการเล่นและข้อมูลที่สำคัญในเบื้องต้น ที่เราสรุปมาให้สำหรับผู้เล่นใหม่เพื่อได้เข้าใจจุดหลักๆของ Fantasy Premier League ทั้งนี้ ในการจัดทีมให้ได้คะแนนสูงตลอดฤดูกาลนั่นต้องอาศัยการศึกษาข้อมูล และประสบการณ์ประมาณหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มของทีม ฟอร์มนักเตะที่ขึ้นลง หรือแม้แต่โปรแกรมการแข่งขัน ซึ่งก็ถือเป็นการเพิ่มสีสันในการดูฟุตบอลให้สนุกยิ่งขึ้นไปอีก และถ้าใครยังไม่เคยได้สัมผัส ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มเล่นไปพร้อมกับฤดูกาลใหม่นี้ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเชียร์บอลครับ

ธี่หยด
Scroll to Top