แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมคู่ปรับตลอดกาล จะกลับมาพบกันอีกครั้งในบ่ายวันเสาร์นี้ ของสนามเวมบลีย์ เพื่อชิงชัยในศึกเอฟเอคัพครั้งที่ 143 ซึ่งเป็นการพบกันซ้ำของการแข่งขันเดอร์บี้แมตช์แห่งแมนเชสเตอร์จากปีที่แล้ว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หวังที่จะรักษาถ้วยรางวัลที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ และยกมันขึ้นสู่ที่สูงเป็นครั้งที่แปดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ขณะที่ทางฝั่งของ แมนยูไนเต็ด ก็กำลังมุ่งหวังที่จะแก้แค้นและคว้าถ้วยอันทรงเกียรติใบนี้เป็นครั้งที่ 13
ในครั้งที่แล้ว แมนเชสเตอร์ซิตี้ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 2-1 ด้วยการทำสองประตูจาก อิลคาย กุนโดกัน ครั้งนี้แชมป์เก่าจะสามารถป้องกันตำแหน่งได้หรือไม่? หรือว่า ปีศาจแดง จะสามารถสร้างความประหลาดใจได้อีกครั้ง?
แมนเชสเตอร์ซิตี้ เพิ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จด้วยการชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และจบฤดูกาลด้วยการมีคะแนนนำหน้าอันดับสองอย่าง อาร์เซน่อล สองคะแนน
ผลจากความสำเร็จนี้ ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าเดินหน้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพด้วยสถิติชนะติดต่อกันเจ็ดเกมในทุกรายการ พร้อมทั้งเก็บคลีนชีตได้ถึงหกครั้งตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่พวกเขาพ่ายแพ้
มองในภาพรวมแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่แพ้ในเวลาปกติใน 35 นัดหลังสุด โดยชนะไปถึง 29 นัด
อย่างไรก็ตาม ทีมของ เอริค เทน ฮาก จบอันดับที่ 8 ในตารางคะแนนสุดท้าย มีคะแนนตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 31 คะแนน หลังจากพ่ายแพ้ไปถึง 14 นัดจาก 38 นัดในฤดูกาล 2023-24
ในรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพเมื่อเดือนที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าตกใจ เมื่อพวกเขานำ โคเวนทรี ซิตี้ 3-0 แต่สุดท้ายก็สามารถชนะในการดวลจุดโทษได้
แม้ว่า แมนยูไนเต็ด จะทำได้ 14 ประตูใน 5 นัดเอฟเอคัพฤดูกาลนี้ แต่พวกเขาก็เสียไปถึง 8 ประตู ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในเกมรับ
ในแง่ของการพบกันระหว่างทั้งสองทีมในลีกฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทั้งสองนัด โดยชนะ 3-0 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด และชนะ 3-1 ในการแข่งขันนัดกลับเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
สถานการณ์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ความพยายามที่ไม่ยอมแพ้ของเมืองเชสเตอร์ในทุกฤดูกาลได้ถูกเจริญมาจากมาเนเจอร์เป็ป การจัดหน้าสถานะของเขาในฟุตบอลสวยงามต้องระลึกถึงหนึ่งใน หรืออาจจะเป็น โค้ชที่ดีที่สุดที่เกมสวยงามเคยผลิตมา โดยตอนนี้เขาได้ชนะแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 ครั้งและรวมถึงรางวัลทั้งหมด 17 ในระหว่าง 8 ปีที่เขาควบคุมการดำเนินงาน
กอร์ดิโอล่าที่ได้รับรางวัลผู้จัดการของฤดูกาลพรีเมียร์ลีกได้ยอมรับว่าเขากำลังจะจบลงในสิ่งที่จะทำในมาเชสเตอร์ โดยสัญญาของเขากำลังจะหมดอายุในปี 2025 และแกตาลันได้ระบุว่าเขา “ใกล้จะออกไปมากกว่าการอยู่” ให้ความหมายว่าฤดูกาลหน้าอาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขาที่อีทิฮัด
เมื่อคนที่บาดเจ็บของเช็คผู้รักษาประตูเอเดอร์สันที่หักกระจกตาขณะเล่นกับสเปอร์สเมื่อเกือบสัปดาห์ที่แล้ว สเตฟัน ออร์เทก้าได้รับมอบหมายให้มาดูแลและคาดว่าเขาจะเริ่มต้นไม่ว่าจะมีเอเดอร์สันอยู่หรือไม่ โดยพิจารณาว่าเขาได้เล่นในทุกๆ 5 เกมในการแข่งขันถ้วยแชมป์ FA ของเมืองเชียร์ในฤดูกาลนี้ตลอดจนไปถึงรอบชิงชนะเลิศ
เนื่องจากการบ่งชี้นักเตะคู่หูสำหรับการดึงกลับมาในการป้องกัน แต่ชุดที่ประกอบด้วยกัปตัน ไคล์ วอล์คเกอร์, แมนูเอล อาคันจิ, รูเบ็น ดิอัส และ โจสโก กวาร์ดีออล จะถูกตั้งไว้ให้สงบเสมือนเดิม มีการสนับสนุนจากผู้จัดการฟุตบอลรองคนรุ่นอนุกรม ที่ครอบครัว โรดริ ซึ่งถือเป็นผู้ที่เล่นไม่แพ้แก้ตั้งแต่เปิดรับ (74 เกม) ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลสโมสร
การพิจารณาจากพิเศษการบวนที กวาดิโอลเอาซิโมรูเป็นเลข 10 ในศูนย์กลางของสนาม หรือเล่นอีกครั้งด้วยผู้โจมตีหนึ่งคนเพิ่มเติมเหมือนที่ทำในเกมกับเวสต์แฮม โดยที่เจเรมี่ โดกู ได้รับการเริ่มต้นด้านซ้าย
ฟิลลิป โฟดเดน, เควิน เดอ บรอยน์, และเบอร์นาร์โด ซิลวาที่คาดหวังว่าจะรักษาตำแหน่งในสามต่อสู้สุดท้าย ต่อเนื่องจากกองหน้ากลางเซ็นทรัล เออร์ลิง ฮาแลนด์ ซึ่งเป็นแค่ประตูเดียวหลังจาก เอลิส ซิมส์ และแซมมี่ ซซโมดิคส์ (ทั้งสองคน 6) ในการแข่งขันเพื่อคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ FA Cup
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ใช้นักเตะต่อไปนี้:
Ortega; Walker, Akanji, Dias, Gvardiol; Rodri, Kovacic; Bernardo, De Bruyne, Foden; Haaland
สถานการณ์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนยูเข้าร่วมฟุตบอลถ้วยแชมป์ FA ครั้งที่ 22 ซึ่งเป็นทีมที่มีการเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันนี้ แม้ทรงพลาดลงในตำแหน่งที่ 8 ในลีกพรีเมียร์ที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีได้ถูกยืนยันในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะชนะนิวคาสเซิลยูไนเต็ดและบรายตันแอนด์โฮฟอลบิออลบิออลเออล์เบียนในเกมสุดท้ายสองของฤดูกาล
สี่วันหลังจากที่จะรักษาชัยชนะ 3-2 ต่อนิวคาสเซิลยูไนเต็ดที่ออลด์ทราฟฟอร์ด แมนยูได้รับชัยชนะจากนิวคาสเซิลยูไนเต็ด มิ่งว่าช้านานในวันอาทิตย์ ด้วยการโยนลูกเข้าเป้าในครึ่งหลังจากที่ไดโอโก้ ดาล็อท และ รัสมัส โฮยลุนด์ ทำให้มีความสำเร็จ 2-0 อย่างไรก็ตาม ชัยชนะนี้ไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะขึ้นไปเหนือนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่ชนะเบรนท์ฟอร์ด 4-2 ในการแข่งขันวันสุดท้ายเพื่อยืนยันอันดับที่เจ็ดด้วยความแตกต่างของเป้าหมาย
เทน ฮากได้สร้างขึ้นเสมอไปตลอดว่า ทีมของเขามีการบาดเจ็บและโรคร้ายตลอดฤดูกาลนี้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ยอมรับสำหรับประสิทธิผลที่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานในการแข่งขันทุกชนิด ในพรีเมียร์ลีก แมนยูได้ถูกลงโทษโดยการพลิกคำว่า 14 ครั้ง และจบฤดูกาลด้วยความแตกต่างเป้าหมายของ -1 ประตูในครั้งแรกในรอบ 34 ปี พวกเขายังสร้างคะแนนที่ต่ำที่สุดเท่านั้น (60) ในการแข่งขัน 38 เกม
ทีมชนะถ้วย EFL ในฤดูกาลที่ผ่านมา พลิกแพลงออกจากการแข่งขันรอบที่ 4 เพื่อเชลซี เสีย 3-0 ในสนามเหย้า ในขณะที่การแข่งขันในระดับกลุ่มของแชมเปียนส์ลีกที่น่าอับอายจบลง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดใช้นักเตะต่อไปนี้:
Onana; Wan-Bissaka, Casemiro, Martinez, Dalot; Mainoo, Amrabat; Diallo, Fernandes, Garnacho; Hojlund
ฟอร์มล่าสุด คู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ตามปกติของทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แข็งแกร่งไม่หยุดยั้งในช่วงท้ายฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่แพ้ใครใน 35 นัดหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 29 เสมอ 6) แม้ว่าจะมีการตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกต่อ เรอัล มาดริด แต่การแข่งขันนั้นถือเป็นการเสมอในสถิติเนื่องจากเกมนั้นเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษและจุดโทษ
สถิตินี้เป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของสโมสรในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ รองจาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่ไม่แพ้ใคร 40 นัดในปี 1978
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังชนะใน 11 นัดหลังสุดของการแข่งขันเอฟเอคัพ ยกเว้นการแข่งขันที่ถูกยกเลิกและเกมที่ไม่มีการแข่งขัน มีเพียงสองสถิติที่ชนะติดต่อกันในประวัติศาสตร์การแข่งขันที่ยาวนานกว่านี้ – แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (20 นัดระหว่างปี 1883 ถึง 1886) และ เชลซี (13 นัดระหว่างปี 2009 ถึง 2011)
ทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาเอาชนะ ลิเวอร์พูล 4-3 ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของเอฟเอคัพ และเอาชนะ โคเวนทรี ซิตี้ ในการดวลจุดโทษหลังเสมอ 3-3 ในรอบรองชนะเลิศ ทีมปีศาจแดงเพิ่งเสียประตู 3+ ประตูในสองจาก 111 นัดก่อนหน้านี้ในรายการนี้ และไม่เคยเสียประตูถึง 3 ประตูในสามเกมติดต่อกัน
สถิติการปะทะกัน ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การแข่งขันครั้งนี้เป็นการพบกันอีกครั้งของทั้งสองทีมหลังจากที่เจอกันในรอบชิงชนะเลิศปีที่แล้ว ซึ่งในครั้งนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 เพื่อคว้าสามแชมป์ในฤดูกาลนั้น ทั้งพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ในการแข่งขันครั้งนั้น อิลคาย กุนโดกัน ซึ่งปัจจุบันย้ายไปเล่นให้กับบาร์เซโลนา ทำสองประตูสำคัญให้กับทีมซิตี้ ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันเดส ยิงจุดโทษในครึ่งแรกช่วยให้แมนยูไนเต็ด ตีเสมอได้ชั่วคราว
ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะสามารถป้องกันแชมป์และทำผลงานที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งได้หรือไม่? ในขณะที่ทีมของ เอริค เทน ฮาก กำลังมุ่งมั่นที่จะล้างตาและคว้าถ้วยเอฟเอคัพมาครองให้ได้
แมนซิตี้ ยังสามารถเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทั้งสองนัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยเอาชนะ 3-0 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และ 3-1 ที่เอทิฮัด สเตเดียม ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเอาชนะเพื่อนบ้านสามครั้งในฤดูกาลเดียวกันคือในปี 1969-70
ย้อนกลับไปดูกันที่สถิติ แมนยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ได้แพ้ไปถึง 6 จาก 7 นัดหลังสุดที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในทุกรายการ (ชนะ 1) รวมถึงการแพ้ติดต่อกัน 3 นัดล่าสุด ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาแพ้ 4 นัดติดกันในการพบกับซิตี้คือระหว่างปี 2013 ถึง 2014
เอริค เทน ฮาก อาจได้รับกำลังใจจากสถิติการพบกันในเอฟเอคัพที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 5 จาก 7 นัดหลังสุดที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างไรก็ตาม การแพ้ทั้งสองครั้งในช่วงนี้เกิดขึ้นที่สนามเวมบลีย์ – ในรอบรองชนะเลิศปี 2011 และรอบชิงชนะเลิศปี 2023
ด้วยการที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เอริค เทน ฮาก ได้พบกันในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในปีที่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกสองคนพบกันในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพมากกว่าหนึ่งครั้ง (ไม่นับการรีเพลย์)
บทสรุปปิดท้ายประเด็นสำคัญของ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- ผลลัพธ์ที่พบบ่อยที่สุดของการแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ซิตี้และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเมื่อแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นเจ้าบ้านคือ 0-1 มีการจบลงด้วยผลนี้ทั้งหมด 6 ครั้ง
- ผลลัพธ์ที่พบบ่อยที่สุดของการแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ซิตี้และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคือ 0-1 มีการจบลงด้วยผลนี้ทั้งหมด 8 ครั้ง
- ใน 29 ครั้งที่ผ่านมาที่เจอกับแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นเจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะ 12 ครั้ง มีการเสมอ 2 ครั้ง ในขณะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 15 ครั้ง ความแตกต่างในจุดประตูคือ 46-41 เพื่อเป็นประโยชน์ของแมนเชสเตอร์ซิตี้
- ใน 64 การพบกันล่าสุด แมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะ 25 ครั้ง มีการเสมอ 8 ครั้ง ในขณะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 31 ครั้ง ความแตกต่างในจุดประตูคือ 95-94 เพื่อเป็นประโยชน์ของแมนเชสเตอร์ซิตี้
- แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่ชนะเลยใน 3 เกมล่าสุดที่พบกับแมนเชสเตอร์ซิตี้
- แมนเชสเตอร์ซิตี้ทำประตูอย่างน้อยหนึ่งลูกใน 12 เกมติดต่อกัน
- แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำประตูอย่างน้อยหนึ่งลูกใน 19 เกมติดต่อกัน
- แมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะครึ่งแรกใน 50% ของการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะครึ่งแรกใน 26% ของการแข่งขันของพวกเขา
- แมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะครึ่งแรก 50% ของการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็
- เมื่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนำด้วย 0-1 เมื่อออกไปเล่นเป็นทีมเยือน พวกเขาชนะใน 72% ของการแข่งขันของพวกเขา
- เมื่อแมนเชสเตอร์ซิตี้พ่ายด้วย 0-1 เมื่อเป็นเจ้าบ้าน พวกเขาชนะใน 50% ของการแข่งขันของพวกเขา
- เมื่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตกด้วย 1-0 เมื่อเป็นทีมเยือน พวกเขาชนะใน 0% ของการแข่งขันของพวกเขา
- สมรรถภาพของแมนเชสเตอร์ซิตี้ใน 5 เกมล่าสุดดีกว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- แมนเชสเตอร์ซิตี้แพ้เพียง 1 ใน 5 เกมล่าสุดต่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (ในทุกแข่งขัน)
- ใน 5 การพบกันล่าสุด แมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะ 4 ครั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 1 ครั้ง และไม่มีการเสมอเลย
- แมนเชสเตอร์ซิตี้ทำประตูเฉลี่ย 3 ลูกในแต่ละการพบกันกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำประตูเฉลี่ย 1.4 ลูกต่อการพบกันกับแมนเชสเตอร์ซิตี้
- จำนวนเฉลี่ยของประตูในการพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ซิตี้และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคือ 4.4
- จำนวนเฉลี่ยของประตูในครึ่งแรกในการพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ซิตี้และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคือ 1.6
- แมนเชสเตอร์ซิตี้ทำประตูเฉลี่ย 2.48 ลูกเมื่อเล่นในสนามเหย้า และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำประตูเฉลี่ย 1.66 ลูกเมื่อเล่นในต่างประเทศ